แผงโซล่าเซลล์ประกอบด้วยเซลล์แสงอาทิตย์จำนวนหลายเซลล์ เซลล์แสงอาทิตย์แต่ละเซลล์ประกอบด้วยวัสดุกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิคอน เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบเซลล์แสงอาทิตย์ โมเลกุลของสารกึ่งตัวนำจะเกิดการแตกตัว และสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้น กระแสไฟฟ้าที่เกิดจากเซลล์แสงอาทิตย์จะถูกรวมกันเพื่อจ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์ต่างๆ

ปริมาณไฟฟ้าที่แผงโซล่าเซลล์ผลิตได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น คุณภาพของแผงโซล่าเซลล์ ขนาดของแผงโซล่าเซลล์ ปริมาณแสงอาทิตย์ที่ได้รับ และทิศทางของแผงโซล่าเซลล์ โดยแผงโซล่าเซลล์ขนาด 1 ตารางเมตร สามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 150-200 วัตต์ เมื่อได้รับแสงอาทิตย์เต็มที่

แผงโซล่าเซลล์โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 25-30 ปี โดยประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจะลดลงประมาณ 20% ในช่วง 25 ปีแรก

แผงโซล่าเซลล์สามารถติดตั้งได้บนหลังคาบ้าน อาคาร โรงงาน หรือพื้นที่โล่งแจ้งที่มีแสงแดดส่องถึง โดยควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งในบริเวณที่มีร่มเงา หรือมีสิ่งบดบังแสงอาทิตย์

ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ขึ้นอยู่กับขนาดของระบบ คุณภาพของแผงโซล่าเซลล์ และค่าแรงช่าง โดยค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับระบบแผงโซล่าเซลล์ขนาด 3 กิโลวัตต์ (kW) อยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านบาท

ปริมาณค่าไฟฟ้าที่ลดลงขึ้นอยู่กับขนาดของระบบแผงโซล่าเซลล์ และปริมาณการใช้ไฟฟ้า โดยระบบแผงโซล่าเซลล์ขนาด 3 กิโลวัตต์ สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 50-60%

แผงโซล่าเซลล์โดยทั่วไปมีความเสี่ยงน้อย เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆ อย่างไรก็ตาม แผงโซล่าเซลล์อาจเกิดความเสียหายได้หากได้รับความเสียหายจากฟ้าผ่า หรือจากอุบัติเหตุ

แผงโซล่าเซลล์โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องดูแลรักษามากนัก เพียงทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ปีละครั้ง เพื่อขจัดฝุ่นละอองและเศษใบไม้ที่เกาะติดอยู่

ผู้ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์จะได้รับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐหลายประการ เช่น สิทธิในการขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสิทธิในการลดหย่อนภาษี

ความคุ้มค่าในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ต้นทุนการติดตั้ง ปริมาณการใช้ไฟฟ้า และสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ โดยโดยทั่วไปแล้ว การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์จะคุ้มค่าในระยะยาว